1) ให้ผู้มีส่วนร่วมในโครงการฟื้นฟูเมืองฯ ได้เห็นตัวอย่าง และเรียนรู้การฟื้นฟูเมืองแห่งอื่นที่มีบริบทใกล้เคียง
2) เพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านการฟื้นฟูเมืองและย่าน ทั้งภาคทฤษฎีและความรู้เพิ่มเติมจากภาคสนาม เพื่อเป็นแนวทางสู่การปฏิบัติให้เกิดรูปธรรมในพื้นที่โครงการ
3) สามารถนำแนวคิดการฟื้นฟูเมืองฯ มาบูรณาการในการวางแผนฒนาจังหวัดและท้องถิ่น
การศึกษาดูงานในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 มีนาคม พ.ศ.2555 ณ จังหวัดลำปาง คณะศึกษาดูงานประกอบด้วย ชาวชุมชนหัวเวียงใต้ ตัวแทนภาคส่วนต่างๆ ในจังหวัดน่าน และผู้แทนจากการเคหะแห่งชาติ รวม 24 คน
การศึกษาดูงานที่จังหวัดลำปางมีจุดเด่นเรื่องการฟื้นฟูเมืองและย่านการค้าเก่าแก่ของเมือง สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาและฟื้นฟูย่านการค้าและการอนุรักษ์อาคารที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในชุมชนหัวเวียงใต้ มีตัวอย่างเรื่องการให้ความสำคัญกับศูนย์เรียนรู้นอกห้องเรียนซึ่งมีหลากหลายระดับ ตั้งแต่ระดับภูมิภาค เมือง และชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองลำปางยังมีชุมชนที่มีจุดแข็งเรื่องกระบวนการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนกับการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นจนได้รับรางวัลระดับโลก ทั้งหมดนี้จึงน่าจะทำให้ภาคีภาคส่วนต่างๆ จากจังหวัดน่านได้ร่วมเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกัน โดยการเข้าพบ เยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ และการสัมผัสรูปธรรมของจริง รวมทั้งสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้ ปัญหา อุปสรรค และวิธีการของชุมชนต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนบทเรียนและองค์ความรู้ด้านการฟื้นฟูเมืองอันจะนำไปสู่การพัฒนาการอยู่อาศัยที่ดีมีคุณภาพต่อไป

ภาพกิจกรรมการศึกษาดูงาน
คุณเฉลิม แก้วกระจ่าง ปลัดเทศบาลนครลำปาง บรรยาย หัวข้อ บทบาทของท้องถิ่นกับการเสริมสร้างและรักษามรดกทางวัฒนธรรม
แนวคิดและกระบวนการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้จังหวัดลำปาง โดย คุณภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์
บรรยายและนำชมอาคารสถาปัตยกรรมย่านการค้าตลาดจีน โดย คุณไตรเทพ บุญเฮง
บรรยายเรื่อง แนวคิดการจัดตั้ง “มูลนิธินิยม ปัทมะเสวี”
และนำชมศูนย์การเรียนรู้ปัทมะเสวี หอศิลป์ลำปาง
โดย คุณไพศาล ด่านวิรุทัย ผู้จัดการศูนย์ฯ
บรรยาย และนำชม กระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัดปงสนุก โดย อาจารย์อนุกูล ศิริพันธ์
คุณเกียรติชัย มานะศิลป์ (โกชัย) บรรยายหัวข้อ "จากชุมชนตลาดจีน ถึงกาดกองต้า....วันนี้""

นำชมและศึกษาสถานที่สำคัญของเมือง เช่น กำแพงเมือง ถนนสายวัฒนธรรม บ้านเก่าชุมชนท่ามะโอ
และบ้านอนุรักษ์เรือนเจ้าแม่ยอดคำ โดย คุณกิติศักดิ์ เฮงษฎีกุล

กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และร่วมกันสรุปบทเรียนจากการศึกษาดูงาน
นอกจากข้อมูลและสาระอันเป็นประโยชน์ของสถานที่ศึกษาดูงานแต่ละแห่ง บทเรียนที่คณะศึกษาดูงานได้รับจากการเรียนรู้ครั้งนี้ ได้แก่
· การจะฟื้นฟูเมืองให้เกิดเป็นรูปธรรมได้จริงต้องมาจากวิสัยทัศน์ผู้นำว่าจะให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์
ส่งเสริม และการพัฒนาเมืองมากน้อยเพียงไร
เพราะเชื่อมโยงถึงการวางแผนจัดสรรงบประมาณ
รวมถึงการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการ
· การอนุรักษ์อาคารสถาปัตยกรรมให้คงอยู่เป็นภารกิจสำคัญที่คนรุ่นปัจจุบันต้องเร่งดำเนินการ
โดยอาศัยภูมิปัญญาความรู้และเทคนิคเฉพาะและความละเอียดอ่อน
หัวใจสำคัญในการอนุรักษ์บ้านเก่า
คือการรวบรวมเรื่องราวจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ และภาพถ่ายเก่าๆ
ของเรือนหลังนั้น
เพราะเป็นองค์ประกอบที่มีคุณค่าและสมควรได้รับการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง
· สิ่งสำคัญในการบูรณะโบราณสถานโบราณวัตถุ
คือเริ่มต้นจากคนในชุมชนนั้นๆ ก่อนจะขยายความร่วมมือออกไปในวงกว้าง
ด้วยการสำรวจภูมิปัญญางานช่างที่มีอยู่เดิม
เพราะถือเป็นกำลังหลักสำคัญในการซ่อมแซมบูรณะ
· การร่วมมือกันระหว่างท้องถิ่นกับสถาบันการศึกษาที่มีความชำนาญเฉพาะเป็นความจำเป็นและต้องการการลงทุนว่าจ้าง
เพื่อการบูรณะซ่อมแซมจำเป็นต้องทำอย่างถูกหลักวิชาเพื่อป้องกันการสูญหายของคุณค่าที่มีอยู่เดิม
· แนวคิดหลัก (concept) ของการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์เมืองอย่างห้อง “ปูมละกอน” หรือ “มิวเซียมลำปาง”
คือการตั้งคำถามถึงความเป็นอัตลักษณ์หรือความเป็นตัวตนของคนลำปาง
รวมถึงการเปิดพื้นที่และโอกาสให้เกิดกิจกรรมเพื่อใช้ “พลัง” ในเชิงสร้างสรรค์
และการ “ย่อย”
เรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายเพื่อเข้าถึงผู้ชมที่มีหลากหลายกลุ่มได้มากที่สุด
· การทำถนนคนเดินจำเป็นต้องทำชุมชนให้เข้มแข็งก่อน
แล้วค่อยร่วมมือกับภาคส่วนอื่นๆ ไม่ควรเน้นนักท่องเที่ยวเป็นหลัก แต่เน้นคนในชุมชน
ดังนั้น
หากจะเริ่มต้นทำถนนคนเดินต้องอ่านชุมชนของตัวเองให้ทะลุว่าคนในพื้นที่ตัวเองมีลักษณะอย่างไร
เพราะแต่ละที่ไม่เหมือนกัน
·
การบริหารจัดการถนนคนเดินเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
แนวทางที่กาดกองต้าจัดการคือให้ความสำคัญกับผู้ค้ายุคแรกเริ่มและให้สิทธิเจ้าของบ้านก่อน
รวมถึงการกำหนดระเบียบเพื่อควบคุมประเภทสินค้าที่จำหน่าย ผู้ค้า
มีบทลงโทษหากทำผิดระเบียบ และใช้วิธีแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับธรรมชาติของชุมชน
·
ภาวะผู้นำเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการเรื่องที่มีความซับซ้อนและต้องการความเฉียบขาด
เช่นกรณีถนนคนเดิน ผู้นำต้องมีความเฉียบขาด
ทุ่มเท เสียสละ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
บทเรียนที่คณะศึกษาดูงานร่วมกันสรุปในวันสุดท้ายของการศึกษาดูงาน
พบว่า ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ “คน” และ “ทีมงาน” ดังนี้
· การฟื้นฟูหรือเปลี่ยนแปลงเมืองจะเกิดขึ้นได้
มีส่วนมาจากการมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เช่น นายกเทศบาลฯ ผู้นำชุมชน ดังนั้นการเลือก
“ผู้นำ” ทั้งระดับเมือง ระดับชุมชน หรือระดับโครงการควรเป็นคนที่มีความตั้งใจ
เสียสละ มีบารมี มีวิสัยทัศน์
โดยเฉพาะการมีผู้นำที่เสียสละมีส่วนในการสร้างความเชื่อมั่นจากคนในชุมชน
·
“อาสาสมัคร” ตัวจริง
ต้องเป็นบุคคลที่ทำจริง ไม่ฝากใครทำ
·
การสร้าง “ทีม” ในการทำงานที่ดี
ควรประกอบด้วยทั้ง “ฝ่ายบู๊” “ฝ่ายบุ๋น” มีการแบ่งบทบาทกันภายในทีม
รวมทั้งมีฝ่ายประชาสัมพันธ์
· การทำงานควรเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ
แล้วค่อยขยายผล เช่น เริ่มต้นจากครอบครัวที่เป็นต้นแบบให้คนอื่นๆ ได้
สิ่งที่คณะศึกษาดูงานตั้งใจกลับไปทำ
คือ ชักชวนให้คณะกรรมการจัดงานกาดกองน้อยได้ทบทวนฐานคิดในการทำงาน
เป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมถนนคนเดิน
โดยศึกษากรณีตัวอย่างการจัดกาดกองต้าที่มีเป้าหมายในเชิงการป้องกัน
และลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นมากกว่ามุ่งเน้นแต่เรื่องการค้าขาย ประการสำคัญ
ในการฟื้นฟูย่านชุมชนหัวเวียงใต้จะเกิดขึ้นได้จริง
คณะทำงานต้องลุกขึ้นมามีบทบาทนำมากกว่ารอให้คณะผู้วิจัยลงมาขับเคลื่อนให้
เพราะโครงการวิจัยมีระยะเวลาสิ้นสุด
แต่การพัฒนาและฟื้นฟูเมืองน่านย่อมเดินทางต่อไปด้วยคนเมืองน่านด้วยกันเอง
บทเรียนและข้อเสนอแนะหลังการศึกษาดูงาน
1. ภาคีจากภาคราชการที่ร่วมศึกษาดูงานในครั้งนี้
มีความกระตือรือร้น และแสดงเจตจำนงที่จะช่วยเหลืองานในโครงการอย่างเต็มที่
แต่อาจมีข้อจำกัดในการเข้าร่วมโครงการฯ เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในระดับผู้ปฏิบัติการ
2. การสรุปบทเรียนในช่วงปิดท้ายการศึกษาดูงานมีหลายประเด็นที่ผู้เข้าร่วมศึกษาดูงานได้ร่วมกันคิดและเสนอแนะ
ซึ่งน่าจะได้รับการกระตุ้นและผลักดันอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่ชุมชนหัวเวียงใต้ต่อไป
3. การได้เห็นแบบอย่างการมีส่วนร่วมของกลุ่มเยาวชนจากกรณีงานรำลึกสะพานรัษฎา
ทำให้หลายฝ่ายเห็นความสำคัญให้กลุ่มเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น
แต่การจะให้เยาวชนเข้ามามีบทบาทโดยตรงอาจไม่สอดคล้องกับกิจกรรมที่จัดขึ้น เช่น
กิจกรรมถนนคนเดินซึ่งมักถูกมองว่าเป็นงานของผู้ใหญ่
จึงเสนอให้มีคณะทำงานที่เป็นคนซึ่งคลุกคลีกับเยาวชนมาร่วมด้วย
4. การฟื้นฟูสิ่งดีๆ ในย่านหัวเวียงใต้
สามารถเริ่มต้นได้ด้วยการให้ “คนใน” เล่าความภาคภูมิใจในชุมชน
แล้วนำมาจัดทำเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ (หนังสือ) ให้คนในชุมชนมีส่วนคิด ทำ
และร่วมสร้างความภาคภูมิใจ เหมือนที่ชาวย่านกาดกองต้าได้ทำขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น